แนวความคิดและประเด็นสำคัญที่สงผลต่อการพัฒนาทางการเมืองของชาวอเมริกันในยุคอาณานิคม ซึ่งเป็นผลมาจากข้อพิพาทระหว่างอาณานิคมและสหราชอาณาจักร จนนำไปสู่การประกาศอิสรภาพ และการแยกตัวออกจากการปกครองของสหราชอาณาจักร สามารถวิเคราะห์ได้ดังนี้
ประเด็นที่นาไปสู่การปฏิวัติ คือ การขัดแย้งเกี่ยวกับผลประโยชน์ระหว่างอาณานิคม และสหราชอาณาจักร ชาวสหราชอาณาจักรเจริญเติบโตขึ้นจนสามารถพึ่งตนเอง และปกครองตัวเองได้ นอกจากนี้ ชาวอาณานิคมยังมีส่วนร่วมในการส่งกองกำลังไปร่วมรบในสงครามระหว่างสหราชอาณาจักร กับ ฝรั่งเศส จนฝรั่งเศสเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ให้แก่สหราชอาณาจักร และถูกขับไล่ออกจากทวีปอเมริกา ทำให้ชาวอาณานิคมรู้สึกมั่นคง และสามารถพัฒนาตนเองจนมีความสามารถเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันได้ รวมทั้งมีผลประโยชน์ร่วมกัน แต่อย่างไรก็ตาม ยังไม่มีการดำเนินการอันใดที่จะนำไปสู่การต่อสู้เพื่อประกาศเอกราช จนกระทั่งสหราชอาณาจักรเข้าควบคุม การปกครองอาณานิคมจนเกินขอบเขต
หลังจากสงครามระหว่างสหราชอาณาจักรกับฝรั่งเศสสิ้นสุดลง รัฐบาลสหราชอาณาจักรตัดสินใจที่จะนำกฎหมายที่เข้มงวดมาใช้กับชาวอาณานิคมโดยเฉพาะกฎหมายที่เกี่ยวกับการค้าของอาณานิคม เช่น ในปี ค.ศ. 1764 สหราชอาณาจักร ออกกฎหมาย ซึ่งเรียกกันว่า พระราชบัญญัติน้ำตาล (The Sugar Act)
พระราชบัญญัติน้ำตาล (The Sugar Act) |
นอกจากนี้ ยังเก็บภาษี สินค้าอื่นๆ เช่น ไหมและเหล้าองุ่น เป็นต้น ต่อจากนั้น รัฐบาล ก็ออกกฎหมาย อีกฉบับหนึ่ง เรียกว่า พระราชบัญญัติ อากรแสตมป์ (The Stamp Act) บังคับให้ปิดอากรแสตมป์ ในเอกสารต่างๆ เช่น เอกสารเกี่ยวกับการค้า การเช่า หนังสือพิมพ์ เป็นต้น
พระราชบัญญัติ อากรแสตมป์ (The Stamp Act) |
เหตุการณ์รุนแรง เกิดขึ้น ในปี ค.ศ.1775 เมื่อกองทหารอังกฤษซึ่งตั้งอยู่ในเมือง บอสตัน ต้องการจะเคลื่อนกำลังไปขนอาวุธที่คลังแสง ซึ่งตั้งอยู่ที่หมู่บ้าน คอนคอร์ด มาเก็บไว้ที่ค่ายทหาร เพราะเกรงว่าชาวอาณานิคมจะก่อการจลาจล ทำสงคราม กู้เอกราช และก็เป็นไปตามความคาดหมาย ชาวอาณานิคม ได้จับอาวุธขึ้นต่อสู้กับกองทหารอังกฤษแผ่กระจายไปทุกอาณานิคม ผู้แทนอาณานิคมทั้ง 13 อาณานิคม ได้เปิดประชุมกันที่เมือง พิลาเดลเฟีย ทันทีและลงมติ แต่งตั้งให้ จอร์จ วอชิงตัน (George Washington) เป็นแม่ทัพใหญ่ นำทหารต่อสู้กับทหารอังกฤษ
จอร์จ วอชิงตัน (George Washington) |
สงครามต่อสู้เพื่อเอกราช (War of Independence) |